ufa55gold-27-5-นักเตะยอดเยี่ยม-ตลอดกาล-ที่คุณต้องรู้จัก

5 นักเตะยอดเยี่ยม ตลอดกาล ที่คุณต้องรู้จัก

ฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของชัยชนะหรือถ้วยแชมป์ แต่คือเวทีที่นักเตะบางคนสามารถสร้างตำนาน เปลี่ยนแปลงเกม และตราตรึงอยู่ในใจแฟนบอลไปตลอดกาล นักเตะยอดเยี่ยม เหล่านี้ไม่ใช่แค่คนที่เก่งที่สุดในยุคของตัวเอง แต่พวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบของความมุ่งมั่น และเป็นตัวแทนของฟุตบอลในแบบที่โลกต้องจดจำ แต่การก้าวขึ้นมาเป็น “ยอดนักเตะตลอดกาล” ไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องมีทั้งฝีเท้าเหนือชั้น จิตใจที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างช่วงเวลาที่ไม่มีวันลืม พวกเขาคือนักเตะที่เมื่อบอลอยู่กับเท้า แฟนบอลต้องลุกขึ้นยืน พวกเขาคือนักเตะที่เปลี่ยนเกมในจังหวะที่สำคัญ และเป็นชื่อที่เมื่อพูดถึง ฟุตบอล จะขาดไปไม่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 นักเตะระดับตำนาน ที่ไม่ได้เป็นแค่ยอดนักเตะในสนาม แต่ยังมีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลในทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ ถ้าคุณรักฟุตบอล ชื่อของพวกเขาคือชื่อที่คุณต้องรู้จัก!


1 เปเล่ (Pelé) – ราชาลูกหนังแห่งบราซิล นักเตะยอดเยี่ยม ตลอดกาล

1 เปเล่ (Pelé) – ราชาลูกหนังแห่งบราซิล

ผมขอบอกเลยครับว่า ถ้าพูดถึงตำนานลูกหนังระดับโลก ไม่มีทางที่จะไม่พูดถึง “เปเล่” ครับ เขาไม่ใช่แค่นักเตะธรรมดานะครับ แต่เป็นคนที่ทำให้วงการลูกหนังเปลี่ยนไปตลอดกาล เปเล่เป็นนักเตะที่สร้างประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะการคว้าแชมป์โลกถึง 3 สมัย ซึ่งไม่มีใครทำได้มาจนถึงทุกวันนี้ ผมขอเล่าประวัติย้อนกลับไปสักหน่อย เปเล่เกิดที่เมืองตราเซ่ คอรากอยส์ ประเทศบราซิล ในปี 1940 เติบโตมาในครอบครัวที่รักฟุตบอลมาก และที่สำคัญคือมีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อายุแค่ 15 ปีเท่านั้นครับ ได้ลงเล่นให้ทีมซานโตส เอฟซี และยิงประตูได้ตั้งแต่นัดแรก ที่เด็ดสุดคือตอนอายุ 17 ปี ได้ติดทีมชาติบราซิลไปเล่นฟุตบอลโลกปี 1958 นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งโลกต้องจดจำชื่อ

สไตล์การเล่นที่ไม่มีใครเหมือน

พูดถึงจุดเด่นของเปเล่นี่ ต้องบอกเลยว่าเขามี สัญชาตญาณนักล่าประตู เป็น นักเตะยอดเยี่ยม ที่เรียกว่าหาตัวจับยากมากๆ ครับ สายตาคมกริบ มองเกมขาดตลอด ยิ่งพูดถึงเรื่องเทคนิคนี่ไม่ต้องพูดถึง เหนือชั้นจริงๆ ที่สุดยอดไปกว่านั้นคือความสามารถในการใช้ เท้าซ้าย-ขวา ได้อย่างคล่องแคล่ว จะยิงเท้าไหนก็จบสกอร์ได้หมด เลี้ยงบอลผ่านแนวรับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ลูกกลางอากาศก็โขกเข้าไปได้สบาย ถ้าพูดถึงความสมบูรณ์แบบของกองหน้า เปเล่คือคำตอบ เพราะเขาสามารถพลิกเกมได้ทุกเมื่อที่ทีมต้องการ

ช่วงเวลาพีค – การสร้างตำนาน

1958 – เปเล่แจ้งเกิดเต็มตัวในฟุตบอลโลกที่สวีเดน ด้วยการยิง แฮตทริก ในรอบรองชนะเลิศ และอีกสองประตูในรอบชิงชนะเลิศ พาบราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ

1962 – แม้จะได้รับบาดเจ็บตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่เปเล่ก็มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของบราซิลอีกครั้ง โดยทีมชาติสามารถป้องกันแชมป์โลกไว้ได้

1970 – ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเปเล่ และถือเป็นฟุตบอลโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดของบราซิล เปเล่เป็นหัวใจหลักของทีม ทำได้ 4 ประตู รวมถึงการแอสซิสต์ให้คาร์ลอส อัลแบร์โต้ยิงประตูในรอบชิงฯ พาบราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3

ตำนานที่โลกต้องจารึก!

เปเล่นี่ไม่ใช่แค่นักเตะธรรมดาๆ แต่เขาคือ ไอดอลของคนทั้งโลก ที่ทำให้วงการลูกหนังต้องจดจำ ลองคิดดูครับ ยิงไปมากกว่า 1,000 ลูก ตลอดชีวิตการเล่นบอล แถมยังพาทีมชาติบราซิลขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของโลก เวลาเปเล่เล่น ดูมันได้อารมณ์จริงๆ ครับ เพราะเขาเล่นด้วย ลูกเล่นสุดล้ำ ความมันส์ระดับสิบ และลีลาที่ใครก็ต้องยอม ที่สุดยอดไปกว่านั้น แม้ยุคนั้นวงการฟุตบอลจะยังไม่บูมเหมือนตอนนี้ แต่เปเล่ก็เป็นคนแรกๆ ที่ได้ค่าเหนื่อยระดับท็อป แถมยังมีสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่มาสนับสนุน จนกลายเป็น ซูเปอร์สตาร์ระดับตำนาน ที่ใครๆ ก็อยากเดินตามรอย

จากตำนานสู่แรงบันดาลใจ

หลังจากแขวนสตั๊ด เปเล่ยังคงมีบทบาทสำคัญในวงการฟุตบอล เขาทำงานร่วมกับฟีฟ่า และเป็นทูตด้านกีฬาที่ช่วยส่งเสริมฟุตบอลไปทั่วโลก น่าเสียดายที่ในปี 2022 เปเล่จากโลกนี้ไปอย่างสงบ แต่ชื่อของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลก สำหรับใครที่อยากเป็นนักบอล เปเล่คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำว่า พรสวรรค์บวกพรแสวง เขามีพรสวรรค์แต่ก็ไม่เคยหยุดฝึกซ้อม และทุ่มเทเต็มร้อยให้กับเกมทุกนัด เขาคือตำนานที่พิสูจน์ว่า ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่มันเป็นชีวิต และสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง ๆ


2 ดีเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) – นักเตะอัจฉริยะผู้พลิกเกม

2 ดีเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) – นักเตะอัจฉริยะผู้พลิกเกม

ถ้าพูดถึงนักฟุตบอลที่สามารถแบกทั้งทีมไว้บนบ่า และเปลี่ยนเกมได้ด้วยตัวคนเดียว ดีเอโก้ มาราโดน่า คือตัวแทนของนิยามนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ เขาไม่ใช่แค่สุดยอดนักเตะ แต่เป็น สัญลักษณ์ของฟุตบอลอาร์เจนตินา และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นทั่วโลก มาราโดน่าไม่ใช่นักเตะที่แค่มีพรสวรรค์ แต่เขาคือคนที่เปลี่ยนเกม เปลี่ยนทีม และเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล

ชีวิตที่ถูกลิขิตให้เป็นตำนาน

มาราโดน่าเกิดเมื่อปี 1960 ในครอบครัวที่ยากจนในเมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา พรสวรรค์ของเขาถูกค้นพบตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่ออายุเพียง 15 ปี เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับ อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของ โบคา จูเนียร์ส และพาโบคาคว้าแชมป์ลีกในปี 1981 จากนั้น บาร์เซโลนา คว้าตัวเขาไปด้วยค่าตัวที่เป็น สถิติโลกในยุคนั้น แต่เส้นทางของเขาในลาลีกาเต็มไปด้วยความดุดันของเกมฟุตบอลสเปน รวมถึงปัญหาบาดเจ็บ ก่อนที่ นาโปลี สโมสรจากอิตาลีจะกล้าทุ่มเงินอีกครั้งเพื่อคว้าตัวเขาไป และเป็นที่นี่ที่เขากลายเป็นตำนาน

จุดเด่นของมาราโดน่า – พรสวรรค์ระดับอัจฉริยะ

มาดูกันครับว่าทำไมมาราโดน่าถึงได้แจ่มขนาดนี้ ผมบอกเลยว่าพี่แกเป็นนักเตะที่มีพื้นฐานฟุตบอลและลูกเล่นสุดยอด เวลาได้บอลมาที่เท้านี่ เหมือนบอลเป็นของเล่นชิ้นโปรดเลย จะเลี้ยงไปทางไหนก็ได้ ผ่านกองหลังคู่แข่งได้แบบสบายๆ แถมยังมีตาดีมาก จ่ายบอลแม่นเป๊ะ และมีไอเดียการเล่นที่ล้ำสมัยมากๆ ทำให้ทีมได้ลุ้นประตูตลอด แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ นอกจากฝีเท้าที่เทพแล้ว พี่แกยังมีหัวใจนักสู้ขั้นเทพ เป็น นักเตะยอดเยี่ยม และผู้นำที่แท้จริง ไม่ว่าจะเล่นให้สโมสรไหน หรือทีมชาติ พี่แกก็ทุ่มเทสุดตัวทุกนัด เป็นขวัญใจแฟนบอลทุกสนามที่ลงเล่น

ช่วงเวลาพีค – การสร้างตำนาน

1986 – ฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก

ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมาราโดน่า และอาจเป็น ทัวร์นาเมนต์ที่ดีที่สุดของนักเตะคนใดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เขาแบกอาร์เจนตินาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนถึงรอบชิงชนะเลิศ และทำ สองประตูที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลก ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับอังกฤษ

  • “หัตถ์พระเจ้า” – ประตูแรกของเขาในเกมกับอังกฤษคือการใช้มือปัดบอลเข้าประตู ซึ่งผู้ตัดสินมองว่าเป็นประตูที่ถูกต้อง และกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เป็นตำนานของฟุตบอล
  • “โกล์ออฟเดอะเซนจูรี่” – เพียงไม่กี่นาทีต่อมา มาราโดน่าเลี้ยงบอลจากแดนตัวเอง ผ่านผู้เล่นอังกฤษ 5 คน ก่อนจะยิงประตูอย่างเหนือชั้น ถูกยกให้เป็น ประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ท้ายที่สุด เขาพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลก 1986 และกลายเป็นฮีโร่ของชาติ

1987-1990 – สร้างตำนานกับนาโปลี

ที่อิตาลี มาราโดน่ากลายเป็นเทพเจ้า เขาพานาโปลีจากทีมระดับกลาง กลายเป็นแชมป์เซเรียอา 2 สมัย ในปี 1987 และ 1990 รวมถึงแชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี 1989 นาโปลีไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน แต่เมื่อมีมาราโดน่า ทุกอย่างเปลี่ยนไป

ไอคอนของฟุตบอลโลก

มาราโดน่าไม่ใช่แค่นักบอลธรรมดานะครับ แต่พี่แกเป็นแรงบันดาลใจระดับโลกเลยทีเดียว เด็กๆ จากสลัมในอาร์เจนตินาเห็นพี่แกเป็นไอดอล เพราะเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดมายากจนแค่ไหน การจะเป็น นักเตะยอดเยี่ยม ถ้ามีความฝันและมุ่งมั่นพอ ฟุตบอลจะพาชีวิตไปถึงจุดสูงสุดได้ พี่แกเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ลูกหนังไม่เคยปิดกั้นใคร ขอแค่มีใจรักและพร้อมทุ่มเทเท่านั้น

ค่าตัว – สถิติที่เป็นตำนาน

ในยุคที่ฟุตบอลยังไม่ได้มีเม็ดเงินมหาศาลแบบปัจจุบัน มาราโดน่าคือ นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกสองครั้งติด

  • 1982 – บาร์เซโลนา ซื้อจากโบคา จูเนียร์ส ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์
  • 1984 – นาโปลี ทุบสถิติด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ ในยุคนั้น นี่ถือเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ และนาโปลีได้ผลตอบแทนเกินคุ้ม

จากนักเตะสู่ตำนาน

หลังจากแขวนสตั๊ด มาราโดน่ายังอยู่ในวงการฟุตบอลในฐานะโค้ช แต่ก็ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพจากพฤติกรรมที่โลดโผนของเขา น่าเสียดายที่ในปี 2020 เขาจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน แต่ชื่อของเขายังคงถูกพูดถึงในฐานะ หนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หากใคร อยากเป็นนักบอล มาราโดน่าแสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลคือเวทีที่ทุกคนสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ไม่ว่าจะมาจากจุดเริ่มต้นแบบไหน ตราบใดที่มีความสามารถ มีความพยายาม และกล้าที่จะเล่นให้เต็มที่


3 โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruyff) – ชายผู้ปฏิวัติฟุตบอลสมัยใหม่

3 โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruyff) – ชายผู้ปฏิวัติฟุตบอลสมัยใหม่

ผมขอบอกเลยครับว่า โยฮัน ครัฟฟ์ คือตำนานที่ทำให้วงการลูกหนังต้องจารึกชื่อเขาไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล ไม่ใช่แค่เพราะฝีเท้าที่เทพ แต่เพราะสมองอันล้ำลึกของเขาที่มาพร้อมกับปรัชญาฟุตบอลแบบใหม่ที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อน ระบบโททัลฟุตบอล (Total Football) ที่ครัฟฟ์คิดค้น ไม่ได้แค่เปลี่ยนวงการฟุตบอลดัตช์ แต่ยังกลายเป็นรากฐานสำคัญของทีมยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลนา ที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้

อัจฉริยะที่สร้างด้วยตัวเอง

ครัฟฟ์เริ่มต้นมาจากเด็กธรรมดาๆ คนนึงที่เกิดปี 1947 ที่อัมสเตอร์ดัมนะครับ ครอบครัวก็เป็นชนชั้นแรงงาน แต่โชคดีที่บ้านอยู่แถวๆ สนามอาแจ็กซ์ พอเจ้าหนูครัฟฟ์โชว์ลีลาเตะบอล ทางสโมสรเห็นแววปุ๊บ คว้าตัวเข้าอคาเดมี่ตั้งแต่อายุ 10 ขวบเลยทีเดียว ด้วยฝีเท้าที่เหนือชั้น เขาได้ขึ้นทีมชุดใหญ่ตอนอายุแค่ 17 ปี แล้วก็กลายเป็นหัวใจสำคัญพาอาแจ็กซ์ไปยึดบัลลังก์ยุโรป จนปี 1973 บาร์เซโลนาต้องทุ่มสถิติโลกถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อตัวไป ที่บาร์ซ่านี่แหละครับที่ครัฟฟ์แจ้งเกิดสุดๆ พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกาปีแรกเลย และที่สำคัญ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้สโมสรสร้าง La Masia ศูนย์ฝึกเยาวชนระดับตำนานที่ผลิตนักเตะฝีเท้าดีมาแล้วมากมาย

จุดเด่นของครัฟฟ์ – สมองกับเท้าที่ไร้ที่ติ

ครัฟฟ์ไม่ใช่นักเตะที่แข็งแกร่งหรือเร็วที่สุด แต่เขาเป็นนักเตะที่ ฉลาดที่สุด ในสนาม ด้วย ทักษะการครองบอล การเลี้ยงบอลที่นุ่มนวล และการจ่ายบอลที่แม่นยำ เขาเป็นต้นแบบของนักเตะยุคใหม่ที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก และสามารถ อ่านเกมและปรับจังหวะการเล่นได้ดีกว่าคนอื่น ๆ

“Cruyff Turn” หรือการหมุนตัวหลบคู่แข่ง เป็นเทคนิคที่เขาคิดค้นขึ้นและยังคงถูกใช้ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน

ช่วงพีค – การสร้างตำนานในสนามและข้างสนาม

1971-1974 – ความยิ่งใหญ่กับอาแจ็กซ์และทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ครัฟฟ์นำ อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ (แชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) 3 สมัยติดต่อกัน (1971, 1972, 1973) และกลายเป็นผู้นำของ “โททัลฟุตบอล” สไตล์การเล่นที่ทุกตำแหน่งสามารถสลับกันได้อย่างไร้รอยต่อ

ฟุตบอลโลกปี 1974 ครัฟฟ์พาทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ พบกับเยอรมนี แม้สุดท้ายจะแพ้ไป แต่เขาได้เปลี่ยนแนวคิดฟุตบอลระดับนานาชาติไปตลอดกาล

1988-1996 – ตำนานกุนซือบาร์เซโลนา

หลังแขวนสตั๊ด ครัฟฟ์กลับมาที่ บาร์เซโลนา ในฐานะโค้ช และได้สร้าง “ดรีมทีม” โดยเน้นระบบ การครองบอลเป็นหลัก (ต้นแบบของ ติกี-ตากา (Tiki-Taka)) นี่คือจุดเริ่มต้นของปรัชญาการเล่นที่นำไปสู่ยุคทองของบาร์ซาในยุคเป๊ป กวาร์ดิโอลา

จากนักเตะสู่ไอคอนของเกมลูกหนัง

ครัฟฟ์ไม่ใช่แค่ตำนานในสนาม แต่แนวคิดของเขายังมีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลมาจนถึงทุกวันนี้ “ฟุตบอลเล่นด้วยสมอง ไม่ใช่แค่เท้า” เป็นวลีที่เขาเชื่อมั่นและปลูกฝังให้กับนักเตะรุ่นหลัง ไม่ว่าจะเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอลา หรือแม้แต่ ลิโอเนล เมสซี นอกจากนี้ ครัฟฟ์ยังให้ความสำคัญกับ การเตรียมร่างกายและความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเตะต้องทำก่อนลงสนามเสมอ เพราะฟุตบอลระดับสูงไม่ได้ใช้แค่ฝีเท้า แต่ต้องมีร่างกายที่พร้อมเต็มที่ นี่คือแนวคิดเดียวกับการ ยืดเส้นก่อนเตะบอล ที่สำคัญสำหรับนักเตะทุกระดับ

มรดกของครัฟฟ์ – ฟุตบอลที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ครัฟฟ์จากโลกนี้ไปในปี 2016 แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ยังคงอยู่ ฟุตบอลที่มีสไตล์การเล่นฉลาดขึ้น การพัฒนาเยาวชนที่เป็นระบบขึ้น และการเปลี่ยนแนวคิดการเล่นของสโมสรใหญ่ ๆ อย่าง บาร์เซโลนาและอาแจ็กซ์ สร้าง นักเตะยอดเยี่ยม มานับพันอย่างต่อเนื่อง

“ถ้าคุณเล่นฟุตบอลได้ดี คุณไม่ต้องวิ่งเยอะ” – นี่คือแก่นแท้ของฟุตบอลที่ครัฟฟ์มอบให้โลก”


4 ซีเนอดีน ซีดาน (Zinedine Zidane) – จอมทัพแห่งฝรั่งเศส

4 ซีเนอดีน ซีดาน (Zinedine Zidane) – จอมทัพแห่งฝรั่งเศส

จอมทัพในตำนาน ของโลกฟุตบอลที่ผสมผสาน ความสง่างาม เทคนิคอันเหนือชั้น และความเยือกเย็นในการเล่น คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า ซีเนอดีน ซีดาน หรือ “Zizou” ของแฟนบอลทั่วโลก เขาไม่ได้เป็นแค่กองกลางธรรมดา แต่เป็น ศิลปินลูกหนัง ที่สามารถควบคุมจังหวะเกม เปลี่ยนรูปเกม และสร้างโมเมนต์ที่โลกต้องจารึก

เส้นทาสู่ยอดนักเตะระดับโลก

ซีดานนี่ถือกำเนิดมาในปี 1972 ในครอบครัวชาวแอลจีเรียที่อพยพมาอยู่ที่เมืองมาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส เส้นทางของเขาเริ่มต้นจากเด็กที่เตะบอลข้างถนน ก่อนที่สโมสรคานส์จะเห็นแววและดึงตัวไปร่วมทีม จากนั้นก็ไปแจ้งเกิดกับบอร์กโดซ์ จนกลายเป็นกองกลางระดับท็อปของยุโรป

ปี 1996 ยูเวนตุส ทีมใหญ่แห่งอิตาลีคว้าตัวไปร่วมทีม ที่นี่เองที่ซีดานแจ้งเกิดระดับโลก พาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย และเกือบได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แต่จุดพลิกผันที่ทำให้เขากลายเป็นตำนานคือการย้ายไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล 77.5 ล้านยูโร ในปี 2001 ซึ่งเป็นสถิติโลกในตอนนั้น และที่นี่เองที่เขาได้เขียนตำนานของตัวเอง

จุดเด่นของซีดาน – ศิลปินลูกหนังที่ควบคุมเกมได้ดั่งใจ

ซีดานไม่ใช่แค่กองกลางธรรมดาๆ นะครับพี่น้อง แต่เขาคือจอมทัพตัวจริง ที่มีทั้งสมองและฝีเท้าระดับเทพ ดูการคอนโทรลบอลสิครับ นุ่มนวลจับบอลติดเท้าเหมือนมีกาวทา จ่ายบอลแม่นยำทะลุทะลวงแนวรับคู่แข่งได้ทุกครั้ง และที่สำคัญคือการอ่านเกมที่เฉียบคมสุดๆ รู้ว่าต้องทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ตลอดเวลา 90 นาทีเต็ม เวลาดูซีดานเล่นนี่มันเหมือนดูศิลปินกำลังแสดงบนเวที ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวมันเป๊ะ มันปัง แถมยังมีลูกเด็ดเป็นเอกลักษณ์อย่าง La Roulette ที่หมุนตัวหลบคู่แข่งได้อย่างหล่อเฟี้ยว กระชากบอลผ่านแนวรับทีไรทำเอาแข้งคู่แข่งหงายหลังทุกที และพูดถึงจังหวะยิงประตู บอกเลยว่าเขาเป็นคนที่ยิงได้ในจังหวะสำคัญๆ ทุกนัดเลยทีเดียว

ช่วงพีค – ช่วงเวลาที่ทำให้ซีดานเป็นตำนาน

1998 – พาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกครั้งแรก

ฟุตบอลโลกปี 1998 จัดขึ้นที่ฝรั่งเศส ซีดานรับบทบาทเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม และในรอบชิงชนะเลิศกับบราซิล เขายิง 2 ประตูด้วยลูกโหม่ง พาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยแรก กลายเป็นฮีโร่ของชาติ และในปีนั้นเขาคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ไปครอง

2002 – ลูกยิงวอลเลย์ในตำนาน

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 2002 นัดชิงชนะเลิศ เรอัล มาดริด พบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซีดานยิง ลูกวอลเลย์สุดสวยด้วยเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปอย่างงดงาม นี่คือลูกยิงที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีก

2006 – ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย และ “เฮดบัตต์” ที่โลกต้องจารึก

ฟุตบอลโลกปี 2006 ซีดานพาฝรั่งเศสเข้าชิงกับอิตาลี เขายิงจุดโทษแบบ “ปาเนนก้า” ผ่านมือ บุฟฟ่อน อย่างเหนือชั้น แต่แล้วเหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้น ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซีดานใช้หัวโขก มาร์โก มาเตรัซซี่ ทำให้เขาโดนใบแดงและต้องออกจากสนาม ฝรั่งเศสแพ้จุดโทษในที่สุด และนี่กลายเป็นแมตช์สุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของเขา

จากนักเตะสู่ยอดกุนซือ

หลังจากแขวนสตั๊ด ซีดานก็ไม่ได้หายไปไหนครับ แต่กลับมาระเบิดฟอร์มในฐานะกุนซือราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สุดยอดไปเลย! ด้วยประสบการณ์ระดับโลกที่สั่งสมมา บวกกับไอเดียการคุมทีมที่ชาญฉลาด พี่แกก็เลยพาทีมกวาดแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 ปีรวด ตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2018 ซึ่งไม่เคยมีโค้ชคนไหนทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์เลยนะครับ นี่แหละครับที่เรียกว่าสุดยอดทั้งในสนามและข้างสนาม ซีดานพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะในการเล่น แต่ยังเป็นกุนซือระดับตำนานที่เข้าใจเกมลึกซึ้งและถ่ายทอดความรู้ให้นักเตะรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ค่าตัว – สร้างสถิติในยุคนั้น

ปี 2001 ย้ายจาก ยูเวนตุส → เรอัล มาดริด ค่าตัว 77.5 ล้านยูโร (สถิติโลกในเวลานั้น)

มรดกของซีดาน – จอมทัพตลอดกาล

เรียกได้ว่า ซีดานนี่ไม่ธรรมดาเลย ทั้งตอนเป็นนักเตะและตอนมาคุมทีม เขาสร้างผลงานระดับตำนานไว้เยอะมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง สไตล์การเล่นของเขานี่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ ไม่มีใครเหมือน ไม่มีใครเลียนแบบได้ ที่น่าสนใจคือ ในยุคนี้การสร้างนักเตะระดับโลกต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก เหมือนที่ซีดานเองก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก ซึ่งหลักการนี้ก็ถูกนำไปใช้ในระบบของอะคาเดมี่ฟุตบอลทั่วโลก ที่ต้องฝึกทั้งเรื่องเทคนิคและการอ่านเกม

“คุณต้องเล่นฟุตบอลด้วยสมอง แล้วปล่อยให้เท้าทำงานตามไป” – ซีเนอดีน ซีดาน


5. โรนัลโด้ นาซาริโอ (Ronaldo Nazário) – ศูนย์หน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด

5. โรนัลโด้ นาซาริโอ (Ronaldo Nazário) – ศูนย์หน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด

พูดถึงกองหน้าระดับตำนานที่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง ต้องยกให้ โรนัลโด้ นาซาริโอ หรือที่แฟนบอลทั่วโลกเรียกติดปากว่า R9 ครับ เชื่อผมเถอะ ผมดูบอลมาเยอะ ไม่เคยเจอกองหน้าคนไหนที่ครบเครื่องขนาดนี้มาก่อน สปีดนี่ไม่ต้องพูดถึง วิ่งซิ่งแซงกองหลังแบบไม่ให้ตั้งตัว แรงก็แรง ปะทะใครก็ไม่กลัว ที่สำคัญคือลูกไหนที่มาเข้าเท้า บอกเลยว่าโอกาสเป็นประตูสูงมาก จังหวะจบสกอร์นี่แม่นยำสุดๆ ไม่ว่าจะยิงด้วยขาไหน หรือจะลากเลี้ยงเข้าไปยิง ทำได้หมด กองหลังระดับโลกยังต้องปวดหัวเวลาเจอกับเขา แถมยามที่อยู่ในฟอร์มสุดพีค ไม่มีใครหยุดได้จริงๆ ครับ ทุกลูกที่เขายิงเข้า มันไม่ใช่แค่ประตูธรรมดา แต่มันคือการแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมันสวยงามได้ขนาดไหน แฟนบอลทั่วโลกถึงได้จดจำเขาไม่รู้ลืม

เกิดมาเพื่อเป็นกองหน้า – เร็ว แรง คมกริบ

เด็กหนุ่มจากริโอ เดอ จาเนโร ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ลูกหนังในปี 1976 โรนัลโด้เติบโตมาในครอบครัวที่หลงใหลฟุตบอล พอเจ้าหนูคนนี้ได้เริ่มเล่นบอล ทุกคนก็รู้เลยว่าเขาไม่ธรรมดา จนได้เซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกกับ ครูไซโร่ ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี ฝีเท้าระดับเทพที่มาพร้อมกับวัยไม่ถึง 20 ปี ลีลาการเล่นนี่ครบเครื่องสุดๆ ทั้งสปีดที่พุ่งแรงจนกองหลังตามไม่ทัน จังหวะการคอนโทรลบอลที่นุ่มนวลเหมือนกับบอลเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แถมยังมีสัญชาตญาณนักล่าประตูชั้นครูที่มองเกมออกว่าจะยิงตรงไหน จะวิ่งไปทางไหน ผลงานสุดร้อนแรงยิงไป 44 ประตูจาก 47 เกม ทำเอาบิ๊กทีมยุโรปต้องยอมคุกเข่าขอเซ็นสัญญาดาวรุ่งพรสวรรค์คนนี้ จุดนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานที่ยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังระดับโลก

สไตล์การเล่นที่ไม่มีใครหยุดได้ – พลัง ความเร็ว เทคนิค

สไตล์การเล่นของโรนัลโด้มันไม่ธรรมดา พูดง่ายๆ คือ เร็ว แรง คม นี่แหละครับ ดูตอนที่เขาวิ่งนะ สปีดจัดจ้านมาก วิ่งซ่าเข้าไปในแนวรับคู่ต่อสู้แบบไม่ให้ตั้งตัว แถมความสามารถในการพาบอลนี่ก็เหนือชั้น กองหลังจับไม่ติดกันเลยทีเดียว ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ แม้โดนปะทะหนักแค่ไหน เขาก็ยังทรงตัวได้ดี ยิงได้แม่นยำ ไม่ใช่แค่นักเตะที่รอจบสกอร์อย่างเดียว แต่สร้างโอกาสทำประตูได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเลี้ยงลูก หาจังหวะยิง หรือวิ่งไปรับบอลแล้วซัดเข้าไป ทำได้ครบจริงๆ

ช่วงพีคที่บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด

หลังจากที่เจ้าหนูโรนัลโด้บินลัดฟ้าไปยุโรป พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คือทีมแรกที่ได้ลิ้มลองฝีเท้าระดับเทพ แต่พอบาร์ซ่าเห็นของดีเข้า ก็ทุ่มสุดตัวคว้ามาร่วมทีมทันที และตรงนี้แหละที่ทำให้โลกได้รู้จักกับพลังของ R9 ตัวจริง จัดไป 47 ประตูจาก 49 เกม แถมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่าตั้งแต่อายุแค่ 20 ปี สุดยอดไปเลย

งานนี้อินเตอร์ มิลาน เห็นฟอร์มแรงก็ไม่รอช้า ทุ่มเงินมหาศาลคว้าตัวมาร่วมทีม และตรงนี้เองที่โรนัลโด้พิสูจน์ว่าเขาคือกองหน้าระดับโลกตัวจริง แต่โชคชะตาก็เล่นตลก อาการบาดเจ็บหัวเข่าทำให้ต้องพักยาวถึงสองปี แต่พอหายดี เรอัล มาดริด ก็ดึงตัวไปร่วมทีมกาแล็กติกอส แม้ความเร็วจะไม่เหมือนเดิม แต่สกิลการจบสกอร์ยังคมกริบ ไม่แปลกเลยที่ทุกคนยกให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาล ลีลาการยิงประตูของเขานี่ จำได้ไม่มีวันลืมจริงๆ

ฟุตบอลโลก 2002 – การกลับมาจากอาการบาดเจ็บสู่การเป็นแชมป์โลก

ช่วงที่ดราม่าสุดในชีวิตของโรนัลโด้ต้องบอกเลยว่าเป็นตอนที่เจ็บหนักจนแทบต้องแขวนสตั๊ด แต่พอมาฟุตบอลโลก 2002 นี่คือจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิต การคัมแบ็คครั้งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูสถิติสิครับ ซัดไป 8 ลูก แถมในนัดชิงกับเยอรมนีนี่โหดมาก จัดไปสองดอกเต็มๆ พาบราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 มาครอง นี่แหละครับที่เรียกว่าตำนานตัวจริง รางวัลรองเท้าทองคำกับดาวซัลโวก็คว้ามาครอง แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ถ้าใจสู้ ร่างกายพร้อม ไม่มีอะไรหยุดคนคนนี้ได้จริงๆ

ค่าตัวสถิติโลกในยุคนั้น และการเป็นต้นแบบของกองหน้ายุคใหม่

โรนัลโด้เคยทำลายสถิติโลกเรื่องค่าตัวถึงสองครั้ง

ปี 1996: บาร์เซโลนา ซื้อจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 15 ล้านปอนด์

ปี 1997: อินเตอร์ มิลาน ซื้อจากบาร์เซโลนา 19.5 ล้านปอนด์

พูดถึงตำนานของ R9 นี่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องยิงประตูเยอะๆ นะครับ แต่เขาเป็นคนที่มาเปลี่ยนวงการลูกหนังให้มองกองหน้าในมุมใหม่เลยทีเดียว สมัยก่อนกองหน้าจะยืนรอในกรอบเขตโทษ รอจบสกอร์อย่างเดียว แต่พอมาเจอสไตล์การเล่นของโรนัลโด้นี่ทำเอาทุกคนตะลึง! เพราะนอกจากจะยิงเก่งแล้ว ยังเลี้ยงลากหลบกองหลังได้เหนือชั้น สร้างจังหวะเองได้ทุกตำแหน่ง ยิงได้ทุกมุม ไม่ต้องรอใครมาป้อน นี่แหละครับที่ทำให้นักเตะระดับโลกรุ่นหลังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และเอ็มบัปเป้ ต่างยกให้เขาเป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล

จากนักเตะสู่เจ้าของสโมสร – บทบาทใหม่ของโรนัลโด้

หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล โรนัลโด้ยังคงอยู่ในวงการลูกหนัง เขาเป็นเจ้าของสโมสร เรอัล บายาโดลิด ในสเปน และครูไซโร่ สโมสรแรกที่เขาเริ่มต้นอาชีพ เขามีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาสโมสรและเยาวชน ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ของเขาเอง แม้วันนี้เขาจะไม่ได้ลงสนามแล้ว แต่ชื่อของ โรนัลโด้ นาซาริโอ ยังคงเป็นตำนานที่ถูกพูดถึงเสมอ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กองหน้ารุ่นใหม่ที่อยากเดินตามรอยเท้าของชายคนนี้

“ไม่มีใครเหมือนเขา และไม่มีใครแทนที่เขาได้ โรนัลโด้คือที่สุดของกองหน้าตลอดกาล” – เปเล่


ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา และนักเตะระดับตำนานไม่ได้เกิดขึ้นจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว สิ่งที่ทำให้ตำนานทั้ง 5 ก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะตลอดกาล คือ ความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันหมด ความกล้าที่จะฝ่าฟันอุปสรรค และความรักในเกมที่ทำให้พวกเขาไม่เคยหยุดพัฒนา แต่ละคนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันของพวกเขาคือ การทำให้ฟุตบอลเป็นศิลปะ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความทุ่มเทสามารถพาชีวิตไปถึงจุดสูงสุด ฟุตบอลไม่ได้มีเพียงชัยชนะหรือความสำเร็จส่วนตัว แต่เป็นมรดกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้แฟนบอลทั่วโลกได้จดจำ ได้เรียนรู้ และได้หลงใหลในเสน่ห์ของเกมลูกหนัง ผมเชื่อว่าตำนานไม่เคยจบแค่รุ่นเดียว ฟุตบอลยังคงพัฒนา และในอนาคต เราอาจได้เห็นนักเตะอีกหลายคนที่ก้าวขึ้นมาสร้างตำนานบทใหม่ แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนคือ หัวใจของเกมฟุตบอล ที่ถูกเติมเต็มด้วยความพยายาม วินัย และความรักที่ไร้ขีดจำกัด


คำถามที่พบบ่อย

1. ทำไมนักเตะอย่าง เปเล่, มาราโดน่า, ครัฟฟ์, ซีดาน และโรนัลโด้ นาซาริโอ ถึงถูกยกย่องว่าเป็นตำนานของวงการฟุตบอล?

นักเตะเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นที่เก่งที่สุดในยุคของตัวเอง แต่พวกเขาสร้างอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลในระดับที่เปลี่ยนแนวทางการเล่นของทั้งทีมและประเทศ เปเล่คือราชาลูกหนังที่คว้าแชมป์โลก 3 สมัย มาราโดน่าคืออัจฉริยะที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ด้วยตัวเอง ครัฟฟ์เป็นสัญลักษณ์ของฟุตบอลสมัยใหม่ ซีดานคือนิยามของเพลย์เมกเกอร์ผู้สง่างาม และโรนัลโด้ นาซาริโอ คือกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทุกคนมีทั้งพรสวรรค์ วินัย และจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันที่หาได้ยาก

2. สไตล์การเล่นของนักเตะแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไร?

เปเล่มีความสามารถรอบด้านและจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด มาราโดน่ามีเทคนิคการเลี้ยงบอลที่ไม่มีใครเทียบได้ ครัฟฟ์เป็นมันสมองของทีมและเป็นผู้ให้กำเนิดแนวคิด “Total Football” ซีดานเป็นจอมทัพที่ควบคุมจังหวะเกมได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนโรนัลโด้ นาซาริโอ เป็นนักเตะที่ผสมผสานระหว่างพละกำลัง ความเร็ว และความแม่นยำได้สมบูรณ์แบบที่สุด

3. หากเปรียบเทียบกับนักเตะในยุคปัจจุบัน นักเตะเหล่านี้มีจุดเด่นอะไรที่หาได้ยากในยุคนี้?

นักเตะในปัจจุบันมีการฝึกซ้อมที่ทันสมัยขึ้น แต่สิ่งที่นักเตะระดับตำนานเหล่านี้มีคือความเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง พวกเขาเล่นในยุคที่เทคโนโลยีการฝึกซ้อมยังไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน แต่กลับสามารถสร้างความแตกต่างได้ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือชั้น ความเป็นผู้นำ การรับมือกับแรงกดดัน และไหวพริบในการเล่นของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นในทุกยุคสมัย

4. นักเตะคนไหนมีค่าตัวแพงที่สุดในยุคของตัวเอง?

โรนัลโด้ นาซาริโอ เคยเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อย้ายจากบาร์เซโลนาไปอินเตอร์ มิลานในปี 1997 และครั้งที่สองเมื่อย้ายจากอินเตอร์ มิลาน ไปเรอัล มาดริดในปี 2002 ส่วนซีดานสร้างสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลกในปี 2001 เมื่อเรอัล มาดริดซื้อตัวจากยูเวนตุส ซึ่งดีลนี้ยังคงถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของวงการฟุตบอล

Similar Posts